5. ตลาดอาหารเสริม - ตอนที่ 23
- โดย ดร. วิทยา มานะวาณิชเจริญ
- 2 มกราคม 2567
- Tweet

การสำรวจผู้ประกอบการอาหารเสริม (Food supplement) ในประเทศไทย พบว่ามีทิศทางการเติบโตที่ค่อนข้างดีสอดคล้องกับข้อมูลในตลาดโลก โดยพบว่า ผู้นำตลาด (Market leader) ซึ่งเป็นทั้งผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารเสริมในประเทศไทย มีการเติบโตค่อนข้างดีจากปี พ.ศ. 2564
หนึ่งในผู้นำตลาด เป็นบริษัทที่มีการเติบโตที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม โดยบริษัทแห่งนี้เป็นผู้ประกอบธุรกิจเป็นบริษัทแม่ (Holding company) โดยปัจจุบันลงทุนในธุรกิจร้านขายยา (Pharmacy) ซึ่งจำหน่ายยา (Drug), เวชภัณฑ์ (Medical supplies), เวชสำอาง (Cosmeceutical), ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, เครื่องมือ-อุปกรณ์การแพทย์ (Medical device), และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ
นอกจากนี้ ยังคิดค้นและพัฒนาร่วมกับทีมวิจัย (Research) ภายนอก รวมทั้งว่าจ้างผู้ผลิต (Contract manufacture) เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ (Health innovation) ภายใต้ยี่ห้อ (Brand) ของตนเอง โดยในปี พ.ศ. 2565 บริษัท มีรายได้เติบโต +26.48% สู่ระดับ 1,538 ล้านบาท
ทั้งนี้เป็นการเติบโตจากร้านขายยาเดิมเฉลี่ยทั้งปีเติบโต +16.44% จากปี พ.ศ. 2564 ประกอบกับยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากร้านขายยาใหม่ที่เปิดในปี พ.ศ. 2565 โดยกลุ่มบริษัทฯ เปิดสาขาร้านขายยาเพิ่มทั้งหมด 11 สาขา ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในขณะที่ปิดให้บริการร้านขายยาไป 1 สาขา กลุ่มบริษัทฯ มีร้านขายยารวม 36 สาขา
ในภาพรวมของอุตสาหกรรมอาหารเสริมแล้ว ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารเสริมจะมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องไปอีกหลายปี จากจำนวนผู้สูงอายุ (Silver age) ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคอเมริกาเหนือ, ยุโรป, และเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นประเทศที่มีกำลังซื้อ (Purchasing power) สูง
ในเชิงการตลาด (Marketing) แล้ว กลุ่มรุ่นสีเงิน (Silver generation) เป็นกลุ่มคนที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ซึ่งส่วนมากจะมีรายได้ดี โดยพบข้อมูลว่า กว่า 20 ถึง 30% ของกลุ่มคนี้จะมีการศึกษาดี, มีรายได้ดี, และมีความต้องการ (Demand) ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสูงกว่าคนกลุ่มอื่นๆ โดยมีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่กระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Immunity) จำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังต้องให้ความสำคัญกับการสร้างยี่ห้อ (Brand) และการพัฒนาช่องทางการจำหน่าย (Distribution channel) ซึ่งปัจจุบัน ออฟไลน์ (Off-line) เช่น ซุปเปอร์มาร์เก็ต (Super-market) /ไฮเปอร์มาร์เก็ต (Hyper-market) ครองตลาดด้วยส่วนแบ่งรายได้ 81.34% ในปี พ.ศ. 2565 ซึ่งช่องทางเหล่านี้ ถือว่ายังมีส่วนสำคัญต่อการขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในยุโรปและอเมริกาเหนือ
ส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ (On-line) คาดว่ามีการเติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงสุดที่ 9.7% ซึ่งเกิดจากการระบาดไปทั่วโลก (Pandemic) ของไวรัส COVID-19 ได้เร่งการเติบโตของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce) ส่งผลให้ยอดขายออนไลน์ของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพิ่มขึ้น และโลกยุคใหม่ดิจิทัล (Digital) ที่มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมากขึ้น ก็ทำให้การเข้าถึง (Access) ยี่ห้อต่างๆ ได้ง่ายขึ้นมาก
นอกจากนี้ วิถีการใช้ชีวิต (Life style) ที่เร่งรีบของคนทั่วไป, การมีสินค้าพร้อมจำหน่าย (Available) ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง, ความสะดวกสบาย (Convenience) ในการซื้อของจากที่บ้าน, และความพร้อมของสินค้าที่หลากหลาย (Variety) เป็นปัจจัยที่ผลักดันให้จำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารผ่านช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ทั่วโลก
แหล่งข้อมูล –
- https://www.thebusinessplus.com/supplement/ [2024, January 1].
- https://www.grandviewresearch.com/ [2024, January 1].