5. ตลาดอาหารเสริม - ตอนที่ 68

กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพ (Food supplement) รวมถึง เครื่องสำอาง (Cosmetics), และสมุนไพร (Herb) ที่ได้รับความนิยม (Popular) เช่น ขิง (Ginger), กระเทียม (Garlic), โสม (Ginseng), และคาโมมายล์ (Chamomile)

ในส่วนของประเทศไทยมูลค่าการส่งออก (Export value) สมุนไพรยังมีแนวโน้ม (Trend) เพิ่มขึ้น สมุนไพรที่มีมูลค่าการส่งออกสูงที่สุด ได้แก่ พรรณไม้ (Plant) และส่วนของพรรณไม้ จากคาดการณ์ (Forecast) ตลาดสมุนไพรในประเทศ ในปี พ.ศ.  2570 มีมูลค่า 100,000 ล้านบาท กลุ่มผลิตภัณฑ์ ที่ได้รับความนิยม (Popular) ได้แก่ ขมิ้นชัน (Turmeric), กระชายขาว (Fingerroot), ตะไคร้หอม (Lemongrass), และบัวบก (Gotu kola)

ขณะเดียวกันต้องมีการส่งเสริม (Promote) การส่งออกผลิตภัณฑ์สมุนไพรมูลค่าสูง เช่น สารสกัด (Extract), สมุนไพรแปรรูป (Processed herb), ยาและอาหารเสริม (Food supplement) ไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาค (Region) ที่มีความต้องการ (Demand) สูงในการบริโภคสมุนไพร อย่างตลาดอาเซียน และ CLMV (= Cambodia, Laos, Myanmar, Vietnam) ซึ่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงต้องสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ (Entrepreneur) เข้าถึงการวิจัยและพัฒนาในห้องปฏิบัติการ (Laboratory) ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานระดับสากล (International standards) 

“จำเป็นต้องมีการสร้างแบรนด์ (Brand = ยี่ห้อ) การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ (Packaging) สมุนไพรให้เป็นที่ยอมรับในตลาดทั่วโลก ไปพร้อมกับการสื่อสารเรื่องราว (Story) และคุณค่า เพื่อดึงดูด (Attract) และเข้าถึง ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการประยุกต์ใช้ (Application) เทคโนโลยี ในการส่งเสริมการเข้าถึงผู้บริโภคและการเก็บฐานข้อมูล (Database) ไว้ต่อยอดในการวางกลยุทธ์ (Strategy) ผลักดันสมุนไพรไทยได้แม่นยำมากขึ้น โดยเชื่อมโยงความร่วมมือความร่วมมือจากทุกภาคส่วน, ภาครัฐ, ภาคเอกชน, ภาคประชาสังคม, ตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) ของอุตสาหกรรมสมุนไพร”

การนำ ‘Economy Sharing’ ให้ภาครัฐ-เอกชน ใช้ทรัพยากร (Resource) ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง เช่น การสนับสนุน (Support) ผู้ประกอบการรายเล็กเข้าถึงการวิจัยร่วมกับสถาบันการศึกษา และสร้างพันธมิตร (Alliance) เพื่อรวมกลุ่มเข้าถึงโรงงานการผลิตขนาดใหญ่ได้มาตรฐานสากล เนื่องจากปัจจุบันการส่งออกสมุนไพรไทยยังมีข้อจำกัด (Limitations) จากบางประเทศที่ไม่สามารถส่งออกไปได้

ปัจจุบันมีความร่วมมือ (Collaboration) ภาครัฐและเอกชน เช่น ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (Center of Excellence for Life Sciences: TCELLS) ร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (Thailand’s Institute of Scientific and Technological Research) และ ศูนย์สัตว์ทดลองแห่งชาติ (National Laboratory Animal Center) เพื่อพัฒนายาแผนปัจจุบัน (Modern medicine) และยาสมุนไพร (Herbal medicine) ไทยให้เป็นที่ยอมรับ (Accept) ในระดับสากล ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรร่วมกัน (Shared) ให้เกิดประโยชน์สูงสุด (Maximum)

แต่การยกระดับสมุนไพรไทยไปสู่ตลาดโลกยังต้องการให้ภาครัฐเข้ามาสนับสนุน (Support) การพัฒนาสมุนไพรไทยให้ตอบโจทย์ (Response) ตลาด, สร้างความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการในการช่วยกันสร้างผลิตภัณฑ์, ช่องทาง (Channel) การสร้างมูลค่าในตลาด, และผลักดันแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทยอย่างเป็นรูปธรรม (Concrete) รวมทั้งสนับสนุนแหล่งเงินทุน (Source of funds) เพราะโรงงานยาสมุนไพรส่วนมาก ยังเป็นธุรกิจขนาดเล็ก (Small business) ที่ไม่อาจเข้าถึงแหล่งเงินทุน

แหล่งข้อมูล

  1. https://www.bangkokbiznews.com/health/well-being/1139463 [2025, October 8].
  2. https://en.wikipedia.org/wiki/Dietary_supplement [2025, October 8].