รักษ์สุขภาพ - ตอนที่ 27 อาหารการกิน (5)

  1. ดื่มไวน์แดง (Red wine) ทุกมื้อ เว้นมื้อเช้า เป็นประจำ แต่ไม่ได้ดื่มในปริมาณมากจนเมา (Intoxicated)
  2. กินเนื้อวัว, เนื้อหมู, และเนื้อแกะ (Lamb) น้อยมาก ยกเว้นในโอกาสพิเศษ โดยทั่วไป ชอบกินเนื้อไก่มากกว่า
  3. ชีวิตทางสังคมของชาวเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean) มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว กล่าวคือ ออกกำลังกาย (Exercise) มาก ชอบความบันเทิง (Entertainment) ในการร้องรำทำเพลงเสมอ ตามแต่โอกาส ในทุกหมู่บ้านทุกตำบล

อนึ่ง รูปแบบของการกินพืชเป็นอาหารหลัก (Plant-based) ของชาวเมดิเตอร์เรเนียน [ผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณรอบๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งรวมถึงประเทศต่างๆ เช่น กรีซ, อิตาลี, สเปน, ฝรั่งเศส, เลบานอน, ตุรกี, และอีกหลายประเทศในแถบแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง] ประกอบด้วย 6 รูปแบบด้วยกัน ดังนี้

  1. ผัก – โดยกินผัก (Vegetable) และผลไม้ (Fruit) กันมาก คนหนึ่งกินเป็นถาด งานวิจัยในคนกรีก พบว่า เขากินผักและผลไม้วันละมากกว่า 6 หน่วยบริโภค (Serving) และหน่วยบริโภค เท่ากับ ผักสลัด 1 จาน หรือ แอปเปิล 1 ลูก พืชที่เขากิน ถ้าเป็นผัก ก็ได้แก่ บรอคโคลี (Broccoli), กะหล่ำปลี (Cabbage), ขึ้นฉ่าย (Celery), แตงกวา (Cucumber), เห็ด (Mushroom), มะเขือยาว (Eggplant), คะน้า (Chinese kale), มะนาว (Lime), ผัดกาแก้ว (Lettuce), ฟักทอง (Pumkin), ผักโขม (Spinach), หัวหอม (Onion), ถั่วพู (Winged beans), ผักจรวด (Rocket), อาร์ติโชค (Artichoke) เป็นต้น โดยมีวิธีกินทุกรูปแบบ ทั้งกินสด (Fresh), ผัด (Fried), หรือเอาน้ำมันมะกอก (Olive oil) ราด หรือเอาผักจุ่มน้ำมันมะกอกกิน
  2. ผลไม้ – ได้แก่ แอปเปิล (Apple), พลัม (Plum), อะโวคาโด (Avocado), เชอรี่ (Cherry), มะเดื่อ (Fig), องุ่น (Grape), แตงโม (Water-melon), ส้ม (Orange), พีช (Peach), แพร์ (Pear), ทับทิม (Pomegranate), สตรอเบอรี่ (Strawberry), มะขาม (Tamarind), มะเขือเทศ (Tomato) ทั้งกินสดๆ หรือกินเป็นแยม (Jam) กล่าวคือ บดให้เหลวแล้วเคี่ยวให้หนืด ใช้ทาขนมปังกิน
  3. ถั่ว – โดยเฉพาะถั่วเปลือกแข็ง (Nut) เช่น ถั่วลิสง (Peanut), มะม่วงหิมพานต์ (Cashew nut), อัลมอนด์ (Almond), เกาลัด (Chestnut), แมคคาเดเมีย (Macadamia), พิสตาชิโอ (Pistachio), วอลนัท (Walnut), และฮาเซลนัท (Hazelnut) ส่วนถั่วเปลือกอ่อน (Bean) ซึ่งมักนิยมต้มให้สุกก่อนรับประทาน ได้แก่ ถั่วเหลือง (Soy bean), ถั่วแดง (Red bean), ถั่วดำ (Black bean), และถั่วเขียว (Green bean) ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการ (Nutrient) สูง รวมไปถึง แปะก๊วย (Ginko) และงา (Sesame) โดยเป็นอาหารหลักทุกมื้อ กินทุกวัน
  4. พืชแต่งรส – เช่น โหระพา (Basil), กระเทียม (Garlic), ผักชี (Parsley), พริก (Chillie) ฯลฯ โดยกินกันเป็นล่ำเป็นสัน เช่นกัน
  5. ธัญพืช – ส่วนมากเป็นธัญพืช (Grain) ที่ไม่ขัดสี เช่น ข้าวโอ๊ต (Oat), ข้าวสาลี (Wheat), ข้าวไรน์ (Rhine), ข้าวบาร์เลย์ (Barley), ข้าวกล้อง (Brown rice), ข้าวโพด (Corn), และ ข้าวฟ่าง (Millet) โดยกินกันทั้งเปลือกบ้าง, ข้าวซ้อมมือ (Coarse rice) บ้าง, ทำเป็นขนมปังโฮลวีท (Whole Wheet) บ้าง, และทำเป็นเส้น (Pasta) บ้าง
  6. น้ำมันมะกอก – นับว่าเป็นสิ่งจำเป็น (Essential) บนโต๊ะอาหาร สำหรับจิ้มจุ่ม, กินกันสดๆ, หรือใช้ทำอหารทุกรูปแบบ รวมทั้งทอด (Fry), ผัด (Stir-fry), และอบ (Bake)

แหล่งข้อมูล 

  1. สันต์ ใจยอดศิลป์, นพ. (2560). สุขภาพดีด้วยตัวคุณเอง: Good Health by Yourself (eBook). พิมพ์ครั้งที่ 2 กรุงเทพฯ: บริษัท พิมพ์สวย จำกัด.
  2. สันต์ ใจยอดศิลป์, นพ. และ พญ. ดร. พิจิกา วัชราภิชาต (2566). Healthy Life Bible คัมภีร์สุขภาพดี: สุขภาพดีได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง. พิมพ์ครั้งที่ 2 กรุงเทพฯ: บริษัท ฟรีมาย์ พับลิชชิ่ง จำกัด.