logo

คำถามเกี่ยวกับยา

โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล

เรื่อง : ยารักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ

ยารักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ/ยาหัวใจเต้นผิดจังหวะ/ยาต้านหัวใจเต้นผิดจังหวะ หมายถึง ยาที่ใช้ควบคุมอัตราการเต้นและจังหวะการเต้นของหัวใจให้ใกล้เคียงระดับปกติ ป้องกันการกลับเป็นซ้ำของอาการ เพิ่มคุณภาพชีวิต ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากอาการ และลดอัตราการตายของผู้ป่วย แบ่งประเภทตามกลุ่มยาได้ดังนี้

  1. ยาที่ออกฤทธิ์ปิดกั้นช่องโซเดียม/ปิดกั้นการทำงานของหัวใจผ่านทางประจุโซเดียม (Sodium channel blockers): เช่นยา Quinidine, Procainamide, Disopyramide, Lidocaine, Phenytoin, Flecainide, Propafenone
  2. ยาออกฤทธิ์ปิดกั้นตัวรับเบต้า (Beta blockers): เช่นยา Propanolol, Esmolol, Metoprolol
  3. ยาออกฤทธิ์ปิดกั้นช่องโพแทสเซียม/ปิดกั้นการทำงานของหัวใจผ่านทางประจุโพแทสเซียม (Potassium channel blockers): เช่นยา Bretylium, Amiodarone, Sotalol
  4. ยาออกฤทธิ์ปิดกั้นช่องแคลเซียม/ปิดกั้นการทำงานของหัวใจผ่านทางประจุแคลเซียม (Calcium channel blockers): เช่นยา Verapamil, Diltiazem
  5. ยาต้านหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดอื่นๆ (Miscellaneous Drugs): เช่นยา Digoxin, Adenosine, Magnesium Sulfate
  1. ห้ามใช้ยากลุ่ม Sodium channel blocker ในผู้ที่มีโครงสร้างของหัวใจผิดปกติ (Structural Heart Disease) เช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือ หัวใจห้องล่างซ้ายทำงานผิดปกติ
  2. ห้ามใช้ยากลุ่ม Beta blockers ในผู้ป่วยที่รับการรักษาอยู่ในห้องผู้ป่วยหนัก (ICU) มีภาวะบวมน้ำ เป็นโรคหืด ภาวะ/โรคความดันโลหิตต่ำ หรือ มีภาวะหัวใจเต้นช้าผิดปกติ
  1. การใช้ยารักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะหลายชนิด/หลายประเภทรวมกัน อาจก่อให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะเองได้ และอาจทำให้อาการของโรคแย่ลง ดังนั้นควรใช้ยากลุ่มนี้ร่วมกันก็ต่อเมื่อแพทย์พิจารณาแล้วว่า จะเกิดประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเท่านั้น
  2. ยา Phenytoin อาจทำให้เกิดอาการ วิงเวียน มองเห็นภาพซ้อน และง่วงซึม จึงควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะหรือการทำงานใกล้เครื่องจักรขณะใช้ยานี้ เพราะจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานยานอนหลับ หรือยาแก้แพ้ ร่วมด้วย เพราะจะยิ่งเพิ่มฤทธิ์ง่วงซึมจากยา Phenytoin
  3. ระวังการใช้ยา Amiodarone ในผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะร่วมกับโรคต่อมไทรอยด์ เพราะยา Amiodarone มีปริมาณของสารไอโอดีนเป็นส่วนประกอบ จึงอาจทำให้เกิดความผิดปกติของการทำงานของต่อมไทรอยด์ได้
  4. ยา Amiodarone เป็นยาที่มีคุณสมบัติเป็นตัวยับยั้งเอนไซม์ (Enzyme inhibitors) จึงมีผลลดการกำจัดยาชนิดอื่นๆ ออกจากร่างกาย เช่นยา Warfarin, Thephylline, Quinidine, Digoxin และ Procainamide เป็นต้น การใช้ยาร่วมกันจะทำให้ระดับของยาเหล่านี้ในเลือดสูงเกินไป จึงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาเหล่านี้ได้ ดังนั้น จึงควรตรวจติดตามระดับยานี้ในเลือด และเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นตามแพทย์ เภสัชกร แนะนำ
  5. ไม่ควรหยุดใช้ยากลุ่ม Beta blockers ทันทีหลังจากใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้เกิดภาวะเจ็บหน้าอก/ แน่นหน้าอก และอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตอย่างฉับพลันได้
  6. ยา Phenytoin และยา Digoxin เป็นยาที่มีช่วง “Therapeutic index” แคบ (ขนาดของยาที่ให้ผลการรักษา และขนาดของยาที่ทำให้เกิดอันตรายใกล้เคียงกัน) ผู้ป่วยต้องกินยาอย่างเคร่งครัด ไม่ควรเพิ่มขนาดยา หรือลดขนาดยา หรือหยุดยาเอง โดยไม่มีคำสั่งจากแพทย์
  7. ยา Digoxin เป็นยาที่ถูกทำลายได้โดยแบคทีเรียในลำไส้ จึงควรระวังการกินยานี้ร่วมกับยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย/ยาปฏิชีวนะ เพราะอาจทำให้เพิ่มการสะสมยา Digoxin ในร่างกายจนส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงจากยา Digoxin
  8. ระวังการใช้ยา Adenosine ในผู้ป่วยโรคหืด เพราะยานี้จะกระตุ้นให้หลอดลมตีบ/หดตัว อาจทำให้เกิดภาวะหายใจลำบาก