กระดานสุขภาพ
| ช่วยทีครับเครียดมาก | |
|---|---|
|
4 มิถุนายน 2556 14:32:28 #1 แฟนได้กินยาคุมฉุกเฉินเข้าไปหลังจากนั้นประมาณ 1 อาทิตย์ก็มีเลือดออกมา เป็นสีแดงเข้ม และมีอาการ ปวดท้องอย่างมาก ปวดศรีษะ อยากทราบว่าเกิดจากอะไรแล้วมีโอกาสตั้งครรภ์หรือป่าวครับเพราะว่ามีเลือดออกมาแล้ว ขอบคุณมากๆครับ |
|
| อายุ: 20 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 65 กก. ส่วนสูง: 178ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.52 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
พ***** |
5 มิถุนายน 2556 04:48:02 #2 ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเป็นฮอร์โมนระดับสูง ซึ่งมีผลไปเปลี่ยนแปลงมูกที่ปากมดลูกและป้องกันการฝังตัวของตัวอ่อน หลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์จะมีเลือดออกทางช่องคลอดซึ่งเป็นผลจากฮอร์โมนที่มีอยู่ในยา และเมื่อรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินบางรายมีประจำเดือนมาปกติ แต่บางรายอาจจะทำให้ประจำเดือนมาเร็ว บางรายมาช้ากว่าปกติหรือขาดประจำเดือน จึงทำให้การคาดคะเนการตั้งครรภ์เป็นไปได้ยาก ส่วนปริมาณเลือดที่ออกมานั้นอาจจะมากหรือน้อยขึ้นกับระยะเวลาการรับประทานยาว่าตรงกับช่วงใดของรอบประจำเดือน ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน คือ อาจมีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ เวียนหัว เจ็บคัดเต้านม มักไม่มีอันตรายรุนแรง นอกจากนี้อาการที่พบได้บ่อย คือเลือดกระปริดกระปรอยออกมาระหว่างเดือน อาจทำให้ประจำเดือนมาช้าหรือมาเร็ว การใช้ยาคุมฉกเฉินติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เกิดความผิดปกติของรังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูก และมีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์นอกมดลูกมากขึ้นเป็น 2% ซึ่งมากกว่าความเสี่ยงของคนปกติ ไม่ควรใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมากกว่า 2 ครั้งต่อเดือน เนื่องจากฮอร์โมนี่มีระดับสูง จะทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายเกิดการแปรปรวนอย่างมาก จนทำให้รอบเดือนผิดปกติไป บางรายอาจไม่มีประจำเดือนมานานหลายเดือน ดังนั้นหากมีความจำเป็นจะต้องใช้ยาคุมกำเนิดมากกว่่าเดือนละ 1 ครั้งจึงแนะนำให้ใข้การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพมากกว่่า เช่น ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (แบบ 21 หรือ 28 เม็ด) หรือถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วยค่ะ อย่างไรก็ตามหากประจำเดือนมาช้าหรือขาดไป ควรตรวจการตั้งครรภ์ดูด้วย เพราะการคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้แม้จะรับประทานยาอย่างถูกต้องก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้บ้างค่ะ |
Jhio*****h |
5 มิถุนายน 2556 12:24:13 #3 ขอบคุณมากครับ |
Jhio*****h