10. ตลาดประกันสุขภาพ – ตอนที่ 52
- โดย ดร. วิทยา มานะวาณิชเจริญ
- 4 มีนาคม 2568
- Tweet

ในปี พ.ศ. 2568 ธุรกิจประกันชีวิต (Life insurance [ซึ่งรวมประกันสุขภาพด้วย]) ต้องเผชิญ (Confront) ปัจจัยท้าทาย (Challenge) เพิ่มเติม โดยเฉพาะจากทิศทาง (Direction) อัตราดอกเบี้ยในประเทศที่ทยอย (Gradually) ปรับลดลง ซึ่งมีผลให้รายได้จากการลงทุน (Investment) ลดลง
แล้วยังสร้างความท้าทายให้กับการนำเสนอ (Offer) ผลตอบแทน (Return) ของกรมธรรม์ (Policy) ที่จูงใจเพียงพอสำหรับลูกค้าใหม่ ขณะที่ปัญหาอำนาจซื้อ (Purchasing power) จะยังกดดัน (Pressure) ความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์ประกันต่อเนื่อง ท่ามกลางแนวโน้ม (Trend) เศรษฐกิจไทยที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าจะเติบโตชะลอลงเล็กน้อยมาที่ +2.4% จากปี พ.ศ. 2567 ที่คาดว่าจะโต ประมาณ +2.6%
นอกจากนี้ ตั้งแต่ 1 มกราคม พ.ศ. 2568 บริษัทประกันชีวิตเริ่มจัดทำงบการเงินตามมาตรฐานบัญชี TFRS17 [Thailand Financial Report Standard: TFRS (มาตรฐานสากลรายงานผลทางการเงิน)] ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้งบการเงิน (Financial statement) ของบริษัทประกัน ซึ่งสะท้อน (Reflect) ภาพรายได้และค่าใช้จ่ายที่สอดคล้องกับสภาพการดำเนินงานมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น (1) การไม่นับเบี้ยประกัน (Premium) ทั้งจำนวนเป็นรายได้ของบริษัท แต่จะนับเฉพาะรายได้ส่วนที่เป็นรายรับจากการบริการลูกค้า คล้ายกับค่าธรรมเนียม (Service Fees) ที่ต้องทยอยรับรู้ (Recognize) ตามสัญญาประกันภัย (Insurance contract)
(2) การที่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากการ รบประกันภัยทันทีทั้งจำนวน จากเดิมที่ทยอยรับรู้ระหว่างช่วงสัญญาในรูปเงินสำรอง (Reserve) ประกันชีวิต ทั้งนี้ รูปแบบงบการเงินที่เปลี่ยนไปจากเดิม มีผลกระทบ (Effect) เชิงบัญชีค่อนข้างมากต่อผลิตภัณฑ์ใน กลุ่มสะสมทรัพย์ (Savings) โดยเฉพาะประเภทจ่ายครั้งเดียว (Single) แต่มีความคุ้มครองระยะยาว (Long-term coverage)
ภายใต้ TFRS17 บริษัทจะมีรายได้จากการให้บริการลูกค้าหรือรายได้ค่าธรรมเนียมจากการรับประกันภัยต่ำ (อาจเหลือเพียง 10% ของเบี้ยรับ เมื่อเปรียบเทียบ (Compare) กับเดิมที่บันทึก (Record) เบี้ยรับทั้งจำนวนเป็นรายได้) ขณะเดียวกัน ยังต้องบันทึกผลขาดทุน (Loss) ที่เกิดจากการรับรองผลตอบแทน (Return) ตลอดอายุสัญญา (Contract life) ทันทีในปีแรก
มาตรฐานบัญชีใหม่นี้ คงมีผลเพิ่มความซับซ้อน (Complexity) ให้กับการวางแผน (Planning) การขายผลิตภัณฑ์ (Product) และรับรู้ รายได้-ผลขาดทุนต่างๆ ของบริษัทประกันมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ตอกย้ำ (Emphasize) ภาพการปรับโครงสร้าง (Structure) กลุ่มผลิตภัณฑ์ (Portfolio) การรับประกันของแต่ละบริษัทในช่วงที่ผ่านมา
กล่าวคือ ปรับเพิ่มสัดส่วน (Proportion) ของกลุ่มผลิตภัณฑ์, การรับประกันภัย, และปรับลดสัดส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ ที่เน้นการออมเงินลง ขณะที่ด้านการบริหารและกลยุทธ์ (Strategy) การขายผลิตภัณฑ์ในอนาคต บริษัทประกันคงจะยังเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product development) ที่สอดคล้องกับผู้บริโภคมากขึ้น (Customer-centric)
ตัวอย่างเช่น การนำเสนอทุนประกันชีวิตขนาดเล็ก (Small-lot main policies) เพื่อลดภาระ (Burden) ของผู้เอาประกันที่ต้องการซื้อสัญญาเพิ่มเติมอื่นเป็นหลัก เช่น ประกันสุขภาพ, ประกันโรคร้ายแรง (Severe), และประกันอุบัติเหตุ (Accident) เป็นต้น
แหล่งข้อมูล –