อะซีบูโทลอล (Acebutolol)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
 - 9 กรกฎาคม 2565
 - Tweet
 
สารบัญ
- บทนำ: คือยาอะไร?
 - อะซีบูโทลอลมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ)รักษาโรคอะไร?
 - อะซีบูโทลอลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
 - อะซีบูโทลอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
 - อะซีบูโทลอลมีขนาดรับประทานอย่างไร?
 - เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
 - หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
 - อะซีบูโทลอลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
 - มีข้อควรระวังการใช้อะซีบูโทลอลอย่างไร?
 - อะซีบูโทลอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
 - ควรเก็บรักษาอะซีบูโทลอลอย่างไร?
 - อะซีบูโทลอลมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
 - บรรณานุกรม
 
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
 - ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
 - เบต้า บล็อกเกอร์ (Beta blocker)
 - ความดันโลหิตสูง (Hypertension)
 - ความดันโลหิตต่ำ (Hypotension)
 - หัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะหัวใจเสียจังหวะ (Arrhythmia)
 - โรคหัวใจ: โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary artery disease)
 - โรคหัวใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด (Heart disease หรือ Cardiovascular disease)
 
บทนำ: คือยาอะไร?
อะซีบูโทลอล (Acebutolol) คือ ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง และ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยเป็นยาในกลุ่มเบต้าบล็อกเกอร์ (Beta blocker), รูปแบบของยาแผนปัจจุบันของยานี้จะเป็นยาชนิดรับประทานและยาฉีด
เมื่อตัวยาเข้าสู่กระแสเลือด ตับจะคอยทำลายและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีของยาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยาที่ผ่านตับและถูกเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีแล้วร่างกายจะต้องใช้เวลาประมาณ 8 - 13 ชั่วโมงเพื่อกำจัดยานี้ออกได้ 50% โดยผ่านทิ้งไปกับปัสสาวะและอุจจาระ
การใช้ยาอะซีบูโทลอลจะต้องเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์เท่านั้น ด้วยมีข้อห้ามใช้, ข้อควรระวัง, อายุผู้ป่วย, โรคประจำตัว, ฯลฯ มาเป็นองค์ประกอบเพื่อพิจารณาการใช้ยาที่ปลอดภัยและเหมาะสม
อะซีบูโทลอลมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?

ยาอะซีบูโทลอลมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้: เช่น
- รักษาโรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
 - รักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Ventricular arrhythmia)
 
อะซีบูโทลอลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
กลไกการออกฤทธิ์ของยาอะซีบูโทลอลคือ ตัวยาจะเข้าไปยับยั้งกระบวนการทางเคมีที่บริเวณหัวใจ โดยยาจะเข้าจับกับตัวรับ(Receptor)ที่มีชื่อว่า Beta-adrenoreceptor (ตัวรับที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจและหลอดเลือด) จึงส่งผลลดอัตราการเต้น ลดการบีบตัว รวมถึงลดปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจ จากกลไกเหล่านี้จึงทำให้เกิดฤทธิ์ของการรักษาตามสรรพคุณ
อะซีบูโทลอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาอะซีบูโทลอลมีรูปแบบการจัดจำหน่าย:
- ยาแคปซูลชนิดรับประทาน ขนาด 200 และ 400 มิลลิกรัม/แคปซูล
 - ยาเม็ดชนิดรับประทาน ขนาด 100, 200 และ 400 มิลลิกรัม/เม็ด
 
อะซีบูโทลอลมีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาอะซีบูโทลอลมีขนาดรับประทาน เช่น
- ก. สำหรับรักษาความดันโลหิตสูง: เช่น
- ผู้ใหญ่: เช่น รับประทาน 400 มิลลิกรัมวันละครั้ง หรือรับประทาน 200 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้งเช้า - เย็น แพทย์อาจปรับขนาดรับประทานเป็น 800 - 1200 มิลลิกรัม/วัน ทั้งนี้ขึ้นกับการตอบสนองของผู้ป่วย โดยการใช้ยานี้จะต้องเป็นไปตามคำสั่งแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น
 
 - ข.สำหรับรักษาอาการหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะ: เช่น
- ผู้ใหญ่: เช่น รับประทาน 400 มิลลิกรัมวันละครั้ง หรือรับประทาน 200 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้ง เช้า - เย็น แพทย์อาจปรับขนาดรับประทานตามการตอบสนองของคนไข้ โดยเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 600 – 1,200 มิลลิกรัม โดยการใช้ยานี้จะต้องเป็นไปตามคำสั่งแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น
 
 
อนึ่ง:
- เด็ก (นิยามคำว่าเด็ก): การศึกษาด้านความปลอดภัยของการใช้ยานี้ในเด็กยังไม่แน่ชัด ดังนั้นการใช้ยานี้ในเด็ก จึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา
 - กรณีจะหยุดใช้ยานี้จำเป็นต้องๆค่อยๆปรับลดขนาด ห้ามหยุดใช้ยาทันที่เพราะอาจก่อให้เกิดอาการจากการถอนยาได้ โดยแพทย์จะเป็นผู้แจ้งให้ปรับขนาดรับประทานลดลง ซึ่งมักใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์จนหยุดใช้ยา
 
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยาอะซีบูโทลอล ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร เช่น
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย
 - มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาอะซีบูโทลอลอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
 - หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/มีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
 
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาอะซีบูโทลอล สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับ การรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
อะซีบูโทลอลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาอะซีบูโทลอลสามารถก่อให้เกิดผล/ อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) เช่น
- เจ็บหน้าอก
 - ตัวบวม
 - วิตกกังวล
 - ซึมเศร้า
 - วิงเวียน
 - อ่อนแรง
 - ปวดหัว
 - ฝันร้าย
 - นอนไม่หลับ
 - มีผื่นคัน
 - ท้องผูกหรือไม่ก็ท้องเสีย
 - ท้องอืด
 - อาหารไม่ย่อย
 - คลื่นไส้อาเจียน
 - ไอ
 - เยื่อจมูกอักเสบ
 - ตาพร่า
 
*อนึ่ง: สำหรับผู้ที่ได้รับยานี้เกินขนาดสามารถพบอาการ ดังนี้เช่น หัวใจเต้นช้าลงหรืออาจถึงขั้นหัวใจหยุดเต้น ความดันโลหิตต่ำ ภาวะหัวใจล้มเหลวขั้นรุนแรง มีอาการชัก เกิดอาการหายใจลำบาก มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งหากพบอาการดังกล่าวหลังการใช้ยานี้ต้องรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน ซึ่งการปฐมพยาบาลแพทย์สามารถใช้วิธีล้างท้องหรือกระตุ้นให้อาเจียน, ใช้ยา Atropine ในการแก้ไขเรื่องหัวใจเต้นช้า และอาจใช้ยา Epinephrine หรือยา Norepinephrine หรือยา Dopamine ช่วยกระตุ้นให้ความดันโลหิตกลับมาเป็นปกติ หากผู้ป่วยมีอาการโรคหืด/หายใจลำบาก แพทย์อาจใช้ยา Aminophylline ฉีดให้คนไข้ร่วมด้วย
มีข้อควรระวังการใช้อะซีบูโทลอลอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาอะซีบูโทลอล เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
 - ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นช้ามาก ผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว ผู้ป่วยโรคหืด
 - หลีกเลี่ยงและระวังการใช้ยากับสตรีตั้งครรภ์ และสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร ด้วยยาอะซีบูโทลอลสามารถซึมผ่านรกและน้ำนมของมารดา และยานี้ส่งผลต่อการเจริญเติบโต อีกทั้งลดความดันและอัตราการเต้นของหัวใจของทารกได้
 - การใช้ยานี้กับเด็กยังมิได้มีการศึกษาและจัดทำข้อมูลทางคลินิกที่ชัดเจน ดังนั้นการใช้ยานี้ในเด็กจึงต้องอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา
 - ระวังการใช้ยานี้กับผู้สูงอายุ
 - ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
 - ห้ามใช้ยาหมดอายุ
 - ห้ามเก็บยาหมดอายุ
 
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาอะซีบูโทลอลด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
อะซีบูโทลอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาอะซีบูโทลอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- การใช้ยาอะซีบูโทลอล ร่วมกับยารักษาโรคหืด เช่นยา Theophylline จะทำให้ฤทธิ์ในการรักษาของยาอะซีบูโทลอลด้อยประสิทธิภาพลงไป หากมีความจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดรับประทานให้เหมาะสมเป็นกรณีๆไป
 - การใช้ยาอะซีบูโทลอล ร่วมกับยา Diltiazem อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงของยาอะซีบูโทลอลมีความรุนแรงมากขึ้น สามารถพบอาการแน่นหน้าอก/หายใจไม่ออก/หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก ปวดหัว เป็นลม ชีพจรเต้นช้าลงและผิดจังหวะ การใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดรับประทานอย่างเหมาะสมเป็นกรณีไป
 - ห้ามรับประทานยาอะซีบูโทลอล ร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบด้วยจะส่งผลให้เกิดความดันโลหิตต่ำ มีอาการปวดหัว วิงเวียน และเป็นลม
 - การใช้ยาอะซีบูโทลอล ร่วมกับยาแก้ปวด เช่นยา Ibuprofen สามารถทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงได้ การจะใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดรับประทานเป็นรายบุคคลไป
 
ควรเก็บรักษาอะซีบูโทลอลอย่างไร?
ควรเก็บรักษาออฟลอกซาซิน เช่น
- เก็บยาในช่วงอุณหภูมิ 20 - 25 องศาเซลเซียส (Celsius)
 - ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
 - เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อน และความชื้น
 - เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
 - ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์
 
อะซีบูโทลอลมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาอะซีบูโทลอล มียาชื่อการค้าอื่น และบริษัทผู้ผลิต เช่น
| ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต | 
|---|---|
| ACB (เอซีบี) | Pacific Pharm | 
| Apo-Acebutolol (อาโป-อะซีบูโทลอล) | Apotex | 
| 
 Acebutolol Hydrochloride Capsule (อะซีบูโทลอล ไฮโดรคลอไรด์ แคปซูล)  | 
Mylan Pharmaceuticals Inc | 
| Sectral (เซกทรัล) | Sanofi-Aventis |