อะซีเมทาซิน (Acemetacin)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
 - 11 ตุลาคม 2561
 - Tweet
 
- บทนำ
 - อะซีเมทาซินมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
 - อะซีเมทาซินมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
 - อะซีเมทาซินมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
 - อะซีเมทาซินมีขนาดรับประทานอย่างไร?
 - เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?
 - หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
 - อะซีเมทาซินมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
 - มีข้อควรระวังการใช้อะซีเมทาซินอย่างไร?
 - อะซีเมทาซินมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
 - ควรเก็บรักษาอะซีเมทาซินอย่างไร?
 - อะซีเมทาซินมีชื่ออื่นอีกไหม?ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
 - บรรณานุกรม
 
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
 - ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
 - เกาต์ (Gout)
 - โรคข้อรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)
 - ข้อเสื่อม เข่าเสื่อม (Osteoarthritis)
 - ยาฆ่าเชื้อ (Antimicrobial drug) ยาแก้อักเสบ (Anti inflammatory drug)
 - กลุ่มยาแก้ปวดและยาพาราเซตามอล (Analgesics and Paracetamol)
 - กลุ่มอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ (Flu-like Syndrome)
 
บทนำ 
	ยาอะซีเมทาซิน(Acemetacin) เป็นยาในกลุ่มเอ็นเสด(NSAIDs) ที่นำมาใช้บรรเทาอาการปวดจากการอักเสบของ กล้ามเนื้อ กระดูก และข้อต่อ ต่างๆ ของร่างกายโดยตัวยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งปิดกั้นการผลิตสารเคมีที่เรียกกันว่า Prostaglandins ซึ่งจะถูกปลดปล่อยออกมาในบริเวณที่ได้รับการบาดเจ็บ และสารProstaglandinsนี้เองที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดอาการปวดอักเสบของร่างกาย
ในประเทศไทย ตัวยาอะซีเมทาซินมีลักษณะเภสัชภัณฑ์เป็นยาชนิดรับประทาน โดยถูกกำหนดให้เป็นยาอันตราย และมีเงื่อนไขการใช้ยาอะซีเมทาซินบางประการที่ผู้บริโภคควรทราบเช่น ข้อห้าม-ข้อควรระวัง ดังนี้
- ห้ามใช้กับผู้ที่มีประวัติแพ้ยากลุ่ม NSAIDs หรือแพ้ยาอะซีเมทาซิน
 - ห้ามใช้ยากับผู้ป่วยโรคแผลในทางเดินอาหาร เช่น แผลในกระเพาะอาหาร
 - ห้ามใช้กับผู้ป่วย โรคหัวใจ โรคตับ โรคไตในระดับรุนแรง
 - ห้ามใช้กับสตรีมีครรภ์
 - ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการบวมใต้ผิวหนัง (Angioedema)/ผื่นแพ้ยา
 - ห้ามใช้กับผู้ป่วยด้วยโรคเลือดชนิดต่างๆที่ยังไม่ทราบสาเหตุชัดเจน
 - หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคหืด ด้วยยากลุ่ม NSAIDs สามารถกระตุ้น ให้อาการหอบหืดกำเริบได้ง่ายมากขึ้น
 - ระวังการใช้ยาอะซีเมทาซินกับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง เพราะตัวยาสามารถกระตุ้น ให้มีภาวะคั่งของของเหลวตามเนื้อเยื่อของร่างกาย และเป็นเหตุสนับสนุนอาการความดันโลหิตสูงได้เป็นอย่างดี
 - การใช้ยาอะซีเมทาซินกับผู้ป่วย โรคลมชัก และโรคพาร์กินสัน เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจทำให้อาการของโรคดังกล่าวเกิดง่ายและมีความรุนแรงมากขึ้น
 - การใช้ยาชนิดนี้กับผู้สูงอายุ จะทำให้ได้รับผลข้างเคียงจากยาอะซีเมทาซินได้ง่าย กว่าผู้ป่วยกลุ่มอื่น จึงต้องเพิ่มความระวังเป็นพิเศษเมื่อต้องใช้ยาอะซีเมทาซินกับผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าว
 
*อนึ่ง ระหว่างรับประทานยาอะซีเมทาซินแล้วเกิดอาการข้างเคียง(ผลข้างเคียง) รุนแรง เช่น ปวดท้องรุนแรง ใบหน้าแดง ถ่ายอุจจาระมีเลือดปน/อุจจาระเป็นเลือดหรืออุจจาระมีสีดำ อาเจียนออกมาเป็นเลือด/อาเจียนเป็นเลือด กรณีเหล่านี้ต้องหยุดใช้ยานี้ทันที แล้วรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว
อะซีเมทาซินมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?

ยาอะซีเมทาซินมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ เช่น
- ใช้เป็นยาบรรเทาอาการปวด/ยาแก้ปวดจากโรคข้อรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis) ปวดจากข้อเสื่อม เข่าเสื่อม (Osteoarthritis) ปวดจากโรคเกาต์ (Gout) ปวดหลัง
 - ใช้บรรเทาอาการปวดบาดแผลหลังการผ่าตัด
 
อะซีเมทาซินมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
	ยาอะซีเมทาซินมีการดูดซึมได้ดีจากระบบทางเดินอาหาร จากนั้นตัวยาจะมีกลไกการออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่มีชื่อว่า Cyclooxygenase เอนไซม์นี้มีหน้าที่สำคัญต่อกระบวนสังเคราะห์สารที่กระตุ้นการอักเสบอย่าง Prostaglandins จากเหตุผลดังกล่าวทำให้ระดับสาร Prostaglandins ในบริเวณอวัยวะที่มีอาการปวดอักเสบลดลง และกลไกนี้อาจมีระยะเวลายาวนานได้ถึง 16 ชั่วโมง จึงเป็นเหตุผลทำให้การรับประทานยาอะซีเมทาซินเพียง 1–2 ครั้ง/วันก็สามารถบรรเทาอาการปวดอักเสบได้ตามสรรพคุณ
อะซีเมทาซินมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
	ยาอะซีเมทาซินมีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น
- ยาแคปซูลชนิดรับประทาน ที่ประกอบด้วย Acemetacin ขนาด 60 และ 90 มิลลิกรัม/แคปซูล
 
อะซีเมทาซินมีขนาดรับประทานอย่างไร? 
	ยาอะซีเมทาซินมีขนาดรับประทาน เช่น
ก. กรณีปวดเฉียบพลัน (Acute symptom):
- ผู้ใหญ่: รับประทานยา 180 มิลลิกรัม วันละ1 ครั้ง
 
ข. กรณีปวดจากโรคเกาต์:
- ผู้ใหญ่: รับประทานยา 90 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ไม่เกิน 5 วันติดต่อกัน
 
ค. อาการปวดทั่วไป:
- ผู้ใหญ่: รับประทานยา 90 มิลลิกรัม วันละ1ครั้ง
 
อนึ่ง:
- ควรรับประทานยานี้พร้อม หรือ หลังอาหาร
 - ห้ามแกะยาออกจากแคปซูล ควรรับประทานยาทั้งแคปซูล และดื่มน้ำตาม อย่างพอเพียง
 - ไม่แนะนำให้ไปซื้อยามารับประทานเอง ควรใช้ยาภายใต้คำสั่งแพทย์เท่านั้น
 - เด็ก: ยังไม่มีข้อมูลทางคลินิกที่แน่ชัดในประสิทธิภาพ ผลข้างเคียง และขนาดยานี้ในเด็ก
 
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?
	เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาอะซีเมทาซิน ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจขัด/หายใจลำบาก
 - มีโรคประจำตัวต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคความดันโลหิตต่ำ โรคตับ โรคไต รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาอะซีเมทาซินอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่รับประทานอยู่ก่อน
 - หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/มีครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
 
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร? 
	กรณีลืมรับประทานยาอะซีเมทาซิน สามารถรับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ หากเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ห้ามเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 2 เท่า ให้รับประทานยาที่ขนาดปกติเท่านั้น
อนึ่ง ผู้ป่วยสามารถขอคำปรึกษาแพทย์ล่วงหน้าว่า กรณีที่ลืมรับประทานยานี้ควรปฏิบัติตัวอย่างไร
อะซีเมทาซินมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
	ยาอะซีเมทาซินสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์จากยา(ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกายดังนี้ เช่น
- ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง มีแผลในทางเดินอาหาร อาหารไม่ย่อย ท้องเสียหรือไม่ก็ท้องผูก ท้องอืด เบื่ออาหาร มีเลือดในเสมหะ/เสมหะเป็นเลือด ช่องปากเป็นแผล
 - ผลต่อระบบประสาท: เช่น ปวดศีรษะ วิงเวียน นอนไม่หลับ มีไข้ เกิดลมชัก
 - ผลต่อระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกาย: เช่น อาจมีกลุ่มอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่
 - ผลต่อไต: เช่น ไตทำงานผิดปกติ/ไตอักเสบ
 - ผลต่อระบบทางเดินหายใจ: เช่น มีเลือดออกในจมูก เลือดกำเดา หอบหืด หายใจขั ด
 - ผลต่อระบบเลือด: เช่น มีภาวะเลือดจาง ระดับเกล็ดเลือดต่ำ เม็ดเลือดขาวต่ำ ฮีโมโกลบินต่ำ
 - ผลต่อตับ: เช่น เกิดแผลที่ตับ
 - ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด: เช่น ความดันโลหิตสูง เส้นเลือด/หลอดเลือดอักเสบ มีอาการบวมตามร่างกาย
 - ผลต่อผิวหนัง: เช่น มีอาการผื่นคัน เกิดลมพิษ ผิวหนังลอก
 - ผลต่อระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย: เช่น มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
 - ผลต่อสภาพจิตใจ: เช่น วิตกกังวล ฝันร้าย ซึม ประสาทหลอน รู้สึกสับสน
 
มีข้อควรระวังการใช้อะซีเมทาซินอย่างไร? 
	มีข้อควรระวังการใช้ยาอะซีเมทาซิน เช่น
- ห้ามใช้กับผู้แพ้ยานี้
 - ห้ามใช้ยานี้กับ สตรีมีครรภ์ เด็ก ผู้ป่วย โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต
 - ห้ามปรับขนาดรับประทานยาด้วยตนเอง
 - การรับประทานยาอะซีเมทาซินร่วมกับยาใดๆควรปรึกษาแพทย์/เภสัชกรก่อนเสมอ
 - หลังรับประทานยานี้แล้วมีอาการวิงเวียนศีรษะ ห้ามขับขี่ยวดยานพาหนะต่างๆรวมถึงการทำงานที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักรทุกชนิดด้วยจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
 - หากพบอาการข้างเคียงที่รบกวนการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น ท้องเสียบ่อยครั้ง วิงเวียนศีรษะมาก มีภาวะเลือดออกง่าย และอื่นๆ ให้หยุดใช้ยานี้ แล้วรีบนำผู้ป่วยมาพบ แพทย์/มาโรงพยาบาลโดยเร็ว
 - ปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้ยาของแพทย์ พยาบาล เภสัชกร อย่างเคร่งครัด และควรมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดหมายทุกครั้ง
 - ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
 - ห้ามใช้ยาหมดอายุ
 - ห้ามเก็บยาหมดอายุ
 
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด(รวมยาอะซีเมทาซินด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
อะซีเมทาซินมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
	ยาอะซีเมทาซินมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- การรับประทานยาอะซีเมทาซินร่วมกับยาNSAIDs กลุ่มอื่น จะเสี่ยงต่อการเกิดอาการข้างเคียงต่างๆสูงขึ้นตามมา หากไม่มีความจำเป็นหรือคำสั่งแพทย์ ควรงดการรับประทานยาร่วมกัน
 - หลีกเลี่ยงการใช้ยาอะซีเมทาซินร่วมกับยากลุ่มSSRI ด้วยจะทำให้ประสิทธิผล การรักษาของยา SSRI ด้อยลง
 - ห้ามใช้ยาอะซีเมทาซินร่วมกับยาลดความดันโลหิตชนิดต่างๆ ด้วยยาอะซีเมทาซิน จะรบกวนการทำงานของยาลดความดันโลหิตเหล่านั้น
 - การใช้ยาอะซีเมทาซินร่วมกับยาขับปัสสาวะ สามารถทำให้เกิดไตเสื่อม/โรคไตเร็วยิ่งขึ้น หากไม่มีคำสั่งแพทย์ ห้ามรับประทานยาทั้ง 2 กลุ่มนี้ร่วมกัน
 - ห้ามใช้ยาอะซีเมทาซินร่วมกับยารักษามะเร็ง อย่างเช่น Methotrexate เพราะจะทำให้ตัวยา Methotrexate อยู่ในร่างกายได้ยาวนานมากขึ้นจนส่งผลให้ได้รับอาการข้างเคียงอย่างรุนแรงตามมาจากยา Methotrexate
 
ควรเก็บรักษาอะซีเมทาซินอย่างไร?
	ควรเก็บรักษายาอะซีเมทาซิน ดังนี้ เช่น
- เก็บยาภายใต้อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส(Celsius)
 - ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งตู้เย็น
 - เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อนและความชื้น
 - เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
 - ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์
 - ไม่เก็บยาที่หมดอายุ
 - ไม่ทิ้งยาลงในแม่น้ำคูคลองตามธรรมชาติ
 
อะซีเมทาซินมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
	ยาอะซีเมทาซิน มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น
| ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต | 
|---|---|
| Aceo (เอซีโอ) | American Taiwan Biopharm | 
| Emflex (เอมเฟล็กซ์) | Merck KGaA | 
บรรณานุกรม
- https://www.medicines.org.uk/emc/files/pil.1001.pdf [2018,Sept22]
 - https://en.wikipedia.org/wiki/Acemetacin [2018,Sept22]
 - https://www.mims.com/thailand/drug/info/aceo/?type=brief [2018,Sept22]