5. ตลาดอาหารเสริม - ตอนที่ 22

หากเจาะตลาดผู้เล่นระดับโลก (Global) เราพบการเปลี่ยนแปลงของ 3 ผู้เล่น (Player) ที่น่าสนใจดังนี้

ในปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา บริษัทขายตรงยักษ์ใหญ่อย่าง Amway รายงานยอดขาย 8,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 283,500 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับ 8,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 311,500 ล้านบาท) ในปี พ.ศ. 2564 ซึ่งลดลง -9.88% จากปีก่อน โดยแอมเวย์ต้องเผชิญกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า

และยังประสบปัญหาจากการขายบริษัทอาหารเสริมในเครือที่ต้องถอนตัวของบริษัทออกจากรัสเซียหลังเหตุการณ์ความไม่สงบจากการไปรุกรานยูเครน อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้นสำหรับดอลลาร์สหรัฐ จะเห็นว่ายอดขายของแอมเวย์เพิ่มขึ้น 1% ในปี 2565 และเป็นการเติบโตติดต่อกัน 3 ปี

สำหรับ Abbott laboratories ซึ่งเป็นบริษัทเครื่องมือแพทย์ชั้นนำจากประเทศสหรัฐอเมริกา และมีธุรกิจเสริมอาหารเป็นหนึ่งในธุรกิจ มีรายได้ในปี พ.ศ. 2565 อยู่ที่ 43,653 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.527 ล้านล้านบาท) สูงขึ้นจากปี พ.ศ. 2564 ซึ่งอยู่ที่ 43,075 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.508 ล้านล้านบาท) ในอัตรา +1.34% โดยเติบโตอย่างต่อเนื่องติดต่อกัน 10 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 ซึ่งมีรายได้ 19,657 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 687,995 ล้านบาท)

ส่วน Bayer AG บริษัทสัญชาติเยอรมันที่ดำเนินธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจยา (Pharmaceutical), สุขภาพผู้บริโภค (Consumer health) และวิทยาศาสตร์เมล็ดพันธุ์ (Crop science) มีรายได้ในปี พ.ศ. 2564 ที่ 52,152 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.825 ล้านล้านบาท) และรายได้ในปี 2565 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 53,459 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.871 ล้านล้านบาท) ในอ้ตรา +2.5%และเป็นการเติบโตติดต่อกัน 3 ปี

จะเห็นได้ว่าทิศทางของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไปจนถึงธุรกิจนวัตกรรมทางการแพทย์ (Medical innovations) ระดับโลกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยคือ 3 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดวิกฤต COVID-19 สอดคล้องกับการประเมินของนักวิเคราะห์จากหลายสถาบัน 

แต่การแข่งขันในตลาดนี้จะดุเดือดมากยิ่งขึ้น เพราะต่างมีบริษัทเสริมอาหารที่พยายามเข้ามาชิงส่วนแบ่งการตลาด (Market share) จากเค้กก้อนโตที่จะมีการเติบโตไปอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ผู้ผลิตจึงต้องรีบสร้างความได้เปรียบในเชิงแข่งขัน (Competitive advantage) เพื่อเข้ามาตีตลาด

เมื่อหันมาดูอุตสาหกรรม (Industry) อาหารเสริมในประเทศไทย จะพบข้อมูลจากการศึกษาของ Nielsen CMV [บริษัทวิจัยระดับสากล] ว่าในปี พ.ศ. 2565 คนไทยมีการซื้อผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสุขภาพและความงามถึง 84% ซึ่งกลุ่มวิตามิน อาหารเสริมมีการเติบโตขึ้น 229% หรือเกิน 2 เท่าตัวจากปี พ.ศ. 252 โดยจากผลสำรวจยังพบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ประมาณ 60% ต้องการรับประทานอาหารเสริมเพื่อให้ดูอ่อนกว่าวัย ส่วนความต้องการอันดับที่ 2 คือ ต้องการมีผิวที่ดีขึ้น

ดังนั้นทาง Nielsen CMV จึงคาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2566 จะยังเป็นปีที่ผู้คนมีแนวโน้มปรับเปลี่ยน (Adjust) พฤติกรรมในการรับประทานอาหารให้มีความสมดุล (Balanced) มากขึ้น โดยมีการรับประทานอาหารเสริมประเภทยา และวิตามิน เพื่อสุขภาพ นอกจากนี้ยาสมุนไพร (Herb) ยังได้รับความนิยม (Popularity) สูงเช่นเดียวกัน

แหล่งข้อมูล

1.    https://www.thebusinessplus.com/supplement/ [2023, December 18].

2.    https://www.nielsen.com/wp-content/uploads/sites/2/2021/06/Nielsen-Consumer-Media-View-Client-Info-Kit-2021.pdf [2023, December 18].